เปิดให้บริการสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์
ศูนย์กลางการเดินทางด้วยรถไฟยุคใหม่
โดยนาม “กรุงเทพอภิวัฒน์”
ได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานจาก
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
มีความหมายว่า
“ความเจริญรุ่งเรืองยิ่งแห่งกรุงเทพมหานคร”
นับเป็นสถานีรถไฟกลางที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและอาเซียน
ด้วยมีชานชาลามากถึง ๒๖ ชานชาลา
สามารถเชื่อมต่อการเดินทางด้วย “ระบบราง” ทุกรูปแบบ
ทั้งรถไฟฟ้าในเมือง รถไฟชานเมือง รถไฟทาง‍คู่ ‍และรถไฟความเร็วสูง
มีศักยภาพเทียบเท่าสถานีรถไฟชั้นนำของโลก
ตลอดจนในสถานการณ์การแพร่ระบาด
ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
ด้วยความร่วมมือของกระทรวงคมนาคมกับกระทรวงสาธารณสุข
สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ยังได้ทำหน้าที่เป็น “ศูนย์ฉีดวัคซีน”
เปิดบริการฉีดวัคซีนโควิด-๑๙ แก่ประชาชน
ช่วยบรรเทาความรุนแรงของการแพร่ระบาด
กระทั่ง สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติในที่สุด

เปิดมิติใหม่ของการเดินทางจาก “ย่านชานเมือง” สู่ “ใจกลางเมือง”
ที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
ด้วย ๒ เส้นทางรถไฟชานเมือง สายสีแดง
ได้แก่ รถไฟชานเมือง สายธานีรัถยา (สายสีแดงเข้ม) ช่วงบางซื่อ-รังสิต
เชื่อมต่อกรุงเทพมหานครกับปริมณฑลด้านทิศเหนือ
บริเวณพื้นที่ดอนเมือง รังสิต ปทุมธานี และพื้นที่ชานเมืองโดยรอบ
รถไฟชานเมือง สายนครวิถี (สายสีแดงอ่อน) ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน
เชื่อมต่อกรุงเทพมหานครกับปริมณฑลด้านทิศตะวันตก
บริเวณพื้นที่ตลิ่งชันและพื้นที่ชานเมืองโดยรอบ
ช่วยประหยัดเวลาเดินทาง แก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดอย่างยั่งยืน
ทั้งยังลดปัญหาด้านมลพิษ
โดยนามว่า “ธานีรัถยา” และ “นครวิถี” นี้
ได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานจาก
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
มีความหมายว่า
“เส้นทางของเมือง”
นำมาซึ่งความเป็นสิริมงคลและความปลิ้มปีติยินดี
แก่กระทรวงคมนาคม การรถไฟแห่งประเทศไทย
ตลอดจนประชาชนชาวไทยอย่างหาที่สุดมิได้

เดินหน้าศึกษาและผลักดัน
แผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางราง
ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล หรือ “M-MAP”
เติมเต็ม “โครงข่าย” รถไฟฟ้าในเมือง
ให้ครอบคลุมทั่วถึงทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวม ๑๔ สายทาง
พร้อมเร่งรัดก่อสร้างรถไฟฟ้า ๓ สายทาง
ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี
รถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย- มีนบุรี และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง
เชื่อมต่อการเดินทางในเมืองให้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย
ลดระยะเวลาในการเดินทาง แก้ไขปัญหาการจราจร
ส่งเสริมการเดินทางด้วยพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
พร้อมยกระดับกรุงเทพมหานคร
สู่การเป็น “มหานครแห่งระบบราง” ที่ทันสมัยระดับสากล

เร่งปฏิรูประบบราง
ยกระดับรถไฟไทยเป็น “รถไฟทางคู่” ทั่วประเทศ
เพื่อรองรับการขนส่งสินค้า ลดต้นทุนการขนส่ง
และเพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์ของประเทศ
เพิ่มความสะดวกปลอดภัยในการเดินทางและขนส่งสินค้า
เชื่อมโยงโครงข่ายทางรถไฟให้เข้าถึงทุกภูมิภาค
และเชื่อมต่อสู่ประตูการค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน
พร้อมเป็น “แกนหลัก” ในการเชื่อมโยงกับโครงข่ายคมนาคมอื่นทุกรูปแบบ
ช่วยกระจายความเจริญ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
ส่งเสริมการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว
และพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืน
และจากการพัฒนาระบบรถไฟทางคู่
ทำให้เกิดความก้าวหน้าในด้านวิศวกรรมการเดินทางและขนส่ง
เพื่อเอาชนะอุปสรรคทางธรรมชาติที่กีดขวางเส้นทาง
รวมทั้งเกิดแลนด์มาร์คใหม่ที่สวยงามของประเทศ
ไม่ว่าจะเป็นอุโมงค์รถไฟบ้านหินลับ อุโมงค์รถไฟยาวที่สุดในประเทศ
ทางรถไฟยกระดับ เลี่ยงเมืองลพบุรี ทางรถไฟยกระดับยาวที่สุดในประเทศ
และทางรถไฟยกระดับมวกเหล็ก ทางรถไฟยกระดับสูงที่สุดในประเทศ

เปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของรถไฟไทย
ด้วยรถไฟความเร็วสูง ๒ สายแรกของประเทศ
ได้แก่ สายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงกรุงเทพมหานคร-นครราชสีมา
ระยะทาง ๒๕๓ กิโลเมตร
และรถไฟความเร็วสูงเชื่อม ๓ สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา)
ระยะทาง ๒๒๐ กิโลเมตร
เพิ่มประสิทธิภาพการเดินทางด้วยรถไฟให้ทันสมัย
ช่วยลดเวลาการเดินทาง เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
พร้อมเป็น “ทางเลือกใหม่” ของการเดินทางเช่นเดียวกับประเทศชั้นนำทั่วโลก

กระทรวงคมนาคมมีแผนจะพัฒนาเพิ่มเติมอีก ๕ เส้นทาง
ได้แก่ เส้นทางกรุงเทพมหานคร-พิษณุโลก
เส้นทางกรุงเทพมหานคร-หัวหิน เส้นทางพิษณุโลก-เชียงใหม่
เส้นทางหัวหิน-สุราษฎร์ธานี และเส้นทางสุราษฎร์ธานี-ปาดังเบซาร์
รวมระยะทางกว่า ๑,๖๐๐ กิโลเมตร
เชื่อมโยงการเดินทางทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ
ไปจนถึงประเทศเพื่อนบ้าน
ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ กระจายความเจริญ
สร้างโอกาสในการพัฒนาอย่างทั่วถึง
เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ
ตลอดจนยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืน